1.ราคา กับ คุณภาพมักมาด้วยกัน บางที(ถ้าโชคดีไม่พอ) คุณภาพตามราคาไม่ค่อยทัน
ยิ่งเน้นราคาถูก คุณภาพยิ่งไม่มีแรงวิ่งตาม ผลงานออกมามักห่วยตั้งแต่ยังไม่ออก
จากอู่ หรือมีสิ่งไม่พึงปรารถนาแถมมาด้วย เช่นพ่นไฟลอกสีตัวถัง แต่ไฟร้อนทำให้
สายไฟในรถละลาย เจอะมาแล้วครับ
2.จากประสบการณ์อันน้อยนิดของผม ตอนคุยกับอู่สีครั้งแรก (เจ้าของ) อู่ส่วนใหญ่บอกว่า
อู่เราใช้แต่วัสดุชั้นดีคุณภาพสูง สี 2 K 3 K 4 K ฯลฯ ดี ๆทั้งนั้น แถมรับประกันผลงาน
3 เดือน 6 เดือน ทำสีเสร็จภายใน 1-2 อาทิตย์ รับรองคุณภาพชัวร์ เอาเข้า่จริงมันไม่ใช่
3.พอทำจริงๆ (แม่มม) ก็ขูดสีรถเรา แล้วก็ทิ้งคาราคาซังไว้เป็นเดือน กว่าจะทำเสร็จ
งานหมก ๆ กลบ ๆ ไว้ สีแตกร่อนเอาไปแก้ไข มันก็อิดออด บอกว่างานเยอะ สีแตกเพราะ
สาระพัดจะแก้ตัว จริงๆ มันใช้วัสดุห่วยๆ สีโป๊วห่วยๆ ทินเนอร์ถูก ๆ แม้จะใช้สีดี
2K อะไรก็ตาม แต่พื้นมันห่วยแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการแตกร่อน คุณภาพไม่ดีเนื่องจากรับงาน
ไว้ถูก ใช้ของดี ก็ไม่มีกำไรพอ
4.ด้วยเหตุนี้ ส่วนใหญ่ มักจะไม่มีใครกล้าแนะนำอู่สี โดยเฉพาะรถเปอร์โยต์ ตอนนี้ราคาตัวรถ
มันไม่ค่อยมีราคา เผลอ ๆ ทำสีดี ๆ แพงกว่าตัวรถอีก แล้วราคาแบบนี้เจ้าของรถส่วนใหญ่
ก็ไม่กล้าทำ อยากได้ราคา 1.5-2 หมื่น ราคาแบบนี้ทำได้ทุกอู่แหละ แต่ก็จะใช้ของวัสดุ
คุณภาพพอใช้ได้ ใช้ไป 1-2 ปี ก็ออกอาการ ด้วยเหตุนี้ เชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนกันกับ
เจ้าของอู่สี หรือสนิทกันจริงๆ ไม่มีใครกล้าแนะนำอู่สี โดยเฉพาะเจ้าของรถที่เน้นเรื่ื้องราคา
จริงๆ อู่สีทุกอู่ ทำดี ๆ ได้ทุกอู่แหละ ผมเชื่อยังงั้น
ราคาค่าทำสีและค่าซ่อมรถมันไม่ได้ถูกลงไปตามราคารถ ถ้าจะเอาของดี ต้องยอมรับราคาแพง
กว่าตัวรถและเลือกอู่มีมาตรฐาน อู่ทำสีรถประกัน ส่วนใหญ่ทำดีได้หมด เพราะถ้าทำห่วยๆ ประกันเค้า
ไม่ยอม แต่ถ้าเน้นราคาถูก ยากนักที่จะหาผลงานดี ๆ ออกมาได้

